Trendy Review: Samsung Galaxy Note II
Android Smartphone รุ่นเด่น คุ้มราคาค่าตัวอีกรุ่นหนึ่งจากค่ายเกาหลี Samsung และเป็นภาคต่อของรุ่นขายดีคือ Samsung Galaxy Note นั่นคือ Samsung Galaxy Note II นั่นเองครับ ลองมาดูกันดีกว่าว่ารุ่นถัดมานี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง
แรกสัมผัส Samsung Galaxy Note II
ตอนที่ผมได้ Samsung Galaxy Note ตัวแรกมา มันก็ออกมาหลัง Samsung Galaxy SII และก็มีหน้าตาเหมือน Samsung Galaxy SII ขยายร่าง พอมาเป็น Samsung Galaxy Note II ก็ออกมาหลัง Samsung Galaxy SIII และมีหน้าตาเหมือนรุ่นนี้ขยายร่างเช่นกัน
ด้านหน้ายังคงเป็นจอ HD Super AMOLED ความละเอียด 1280x720 พิกเซล เหมือนรุ่นก่อน แต่เพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 5.5 นิ้ว ก็เลยทำให้ Pixel Density ลดลงมาหน่อย เหลือ 267ppi แต่ยังคงแสดงผลสีได้ 16.7 ล้านสี และรองรับการสัมผัสได้ 10 จุดเช่นเคย พร้อมกล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล
รุ่นก่อนหน้า มีคนบ่นว่าขนาดมันอ้วนไปหน่อย ทำให้จับลำบากสำหรับคนมือเล็กๆ รุ่นนี้เลยมีการดีไซน์ให้ความกว้างลดลงนิดหน่อย และยาวขึ้นเล็กน้อย จากที่ลองจับๆ ดู พบว่ามันจับได้ถนัดมากขึ้น
ด้านหลังก็ยังคงเดิมๆ ครับ มีกล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล f2.6 พร้อม LED Flash และลำโพงตรงบริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง
ด้านซ้ายมีแค่ปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านขวามีปุ่มเปิดปิดหน้าจอ
ด้านบนก็จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และรูไมโครโฟน ส่วนด้านล่างก็เป็นช่องเสียบ S Pen ซึ่งเป็น Stylus ประจำกายรุ่น Note และพอร์ต Micro USB กับรูไมโครโฟนสำหรับใช้เวลาโทรศัพท์
ใครที่ชอบดีไซน์ของ Samsung Galaxy SIII ละก็ ก็จะชอบ Samsung Galaxy Note II ไปด้วย แต่อาจต้องทำใจกับขนาดที่ใหญ่นี่แหละครับ
ว่าด้วยกันกับสเปกและประสิทธิภาพ
สเปค Galaxy Note2
Samsung Galaxy Note II มาพร้อมกับสเปกระดับไฮเอนด์สุดๆ เมื่อเทียบกับ Android Smartphone ตัวอื่นๆ ในท้องตลาดปัจจุบัน รวมถึง Samsung Galaxy SIII ด้วย ดังนี้เลย
CPU: Exynos 4412 Quad-core 1.6GHz
GPU: Mali-400MP
RAM: 2GB
Internal Storage: 16GB
Display: 5.5″ HD Super AMOLED 1280×720 (267ppi) รองรับการสัมผัสพร้อมๆ กัน 10 จุด
Camera
ด้านหน้า: 1.9 พิกเซล
ด้านหลัง: 8 ล้านพิกเซล f2.6 พร้อม LED Flash
Connectivity:
2G: 850/900/1800/1900MHz
3G: 850/900/1900/2100MHz
WiFi: 802.11a/b/g/n Dual-band (2.4GHz/5GHz)
Bluetooth: 4.0 + A2DP
Dimensions: 151.1 ม.ม. x 80.5 ม.ม. x 9.4 ม.ม.
Battery: 3,100mAh
Weight: 183 กรัม
และด้วยสเปกขนาดนี้ ก็เลยทำให้ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark ต่างๆ แล้ว คะแนนที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงเอาเรื่อง สำหรับ CPU/GPU ระดับ Quad-core เลยทีเดียว
S Pen ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น
ตอนที่ได้ลอง S Pen บน Samsung Galaxy Note รุ่นแรก ผมก็คิดว่ามันคือ Stylus สำหรับ Android Smartphone ที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว แต่พอได้มาลอง S Pen บน Samsung Galaxy Note II แล้ว ตัวแรกดูด้อยไปเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดเลยว่า S Pen บน Samsung Galaxy Note II นั้น มันลื่นไหลกว่าเดิมขึ้นมากทีเดียว ทำให้มันเหมาะกับการใช้งานขีดๆ เขียนๆ แบบจริงจัง รวมถึงการวาดรูปด้วย ... แต่ในกรณีนี้ โปรแกรมที่มาด้วยกับตัวเครื่องอย่าง S Note อาจจะไม่พอนะครับ ถ้าจะให้แนะนำ ผมคงแนะนำ Sketchbook Mobile ของ Autodesk น่ะ
ลูกเล่นอื่นๆ บน Samsung Galaxy Note II
นอกเหนือจากนี้ Samsung เองก็ปล่อยของออกมาเป็นฟีเจอร์ทั้งเล็กๆ น้อยๆ และใหญ่ๆ บน Samsung Galaxy Note II เพียบเลยครับ หลักๆ แล้วก็จะเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกับ S Pen มีทั้งที่เป็นประโยชน์ และที่ดูแล้ว “ว้าว” มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ ซึ่งจะขอหยิบยกมาเล่าดังนี้ครับ
Air View
เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และทั้งมีประโยชน์ และว้าว ในเวลาเดียวกัน ... ในส่วนที่ผมมองว่ามีประโยชน์ก็คือ เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ แล้วใช้ S Pen จ่อเข้าไปใกล้ๆ ไอคอนต่างๆ บนโปรแกรมที่ Samsung ให้มา มันก็จะขึ้น Pop-up ขึ้นมาอธิบายว่าไอคอนนั้นเอาไว้ทำอะไร ... คล้ายๆ กับเวลาเอาเคอร์เซอร์ของเมาส์ไปวางบนไอคอนบนคอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น
แต่ในส่วนที่ว้าว ก็เช่น ตอนที่เข้าไปใน Gallery แล้วเอา S Pen ไปจอใกล้ๆ Folder ก็จะเป็นการแสดงรูปภาพบางส่วนที่อยู่ใน Folder นั้นขึ้นมา ซึ่งดูแล้วยังไม่ได้ประโยชน์อะไรที่ชัดเจนครับ แต่มันก็เป็น Proof of Concept ที่ดู “ว้าว” อยู่
S Pen Keeper
คิดว่าเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานขอมา คงเพราะหลายๆ คน ถอด S Pen ออกมาแล้ว เผลอลืมไว้ หายไปหลายด้าม อะไรประมาณนั้น แต่ถ้าเราเปิดฟีเจอร์นี้ (อยู่ใน Settings > S Pen) แล้ว เราเอา S Pen ออกมาจากช่องเสียบ แล้วจากนั้นเดินไปโดยไม่ได้เอา S Pen เสียบกลับเข้าที่ ระบบจะใช้ Accelerometer ในการจับการเดินของเรา แล้วเมื่อมันนับจำนวนก้าวได้ในระดับหนึ่ง มันก็จะทำการแจ้งเตือนด้วยเสียง ว่าเรายังไม่ได้เสียบ S Pen กลับเข้าที่นะ
Idea Sketch บน S Note
เป็นฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ชอบใช้ S Note ในการขีดๆ เขียนๆ วาดรูปต่างๆ เพราะบางทีเราก็มาได้วาดรูปเป็น วาดรูปสวยไปซะหมด แต่ Idea Sketch นี่จะมีรูปวาดสำเร็จรูปหลากรูปแบบหลายหมวดมาให้เราพร้อมใช้เลยครับ เพียงแค่แตะที่ Insert Picture แล้วเลือก Idea Sketch ก็มีรูปให้เลือกเยอะแยะแล้ว
ส่วนฟีเจอร์ที่เป็น “ว้าว” ตรงนี้ก็คือ การใช้ฟีเจอร์จดจำลายนิ้วมือในการให้ผู้ใช้งานเลือกหารูปที่ต้องการจาก Idea Sketch ได้ โดยการเขียนประเภทของรูปที่ต้องการหา แต่ที่ผมมองว่าเป็นแค่ “ว้าว” เฉยๆ ก็เพราะ การเขียนแล้วค้นหา มันเสียเวลากว่าการแตะไปที่ไอคอนแล้วเลือกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีคนไทย ที่ไม่รู้ว่า “ตึก” ในภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร
นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้ยังมีโอกาสในการพัฒนาไปได้อีก หากทำให้มันสามารถค้นหารูปที่ต้องการได้จากอินเทอร์เน็ต (ถ้ากลัวเรื่องลิขสิทธิ์ของรูปภาพ บนอินเทอร์เน็ตก็มีเว็บไซต์ที่รวบรวมรูปที่เป็นลิขสิทธิ์แบบแจกฟรีอยู่)
Gallery ที่ได้รับการปรับปรุง
Gallery บน Samsung Galaxy Note II ถูกออกแบบให้แสดงผล Folder ต่างๆ อยู่ทางซ้ายมือ แล้วแสดงรูปที่อยู่ใน Folder นั้นทางขวา ดูแล้วคล้ายๆ กับโปรแกรม Explorer บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้มาก เวลาที่ต้องการย้ายรูปไปยังโฟลเดอร์อื่น เพราะแค่ใช้ S Pen เลือกรูป แล้วลากมาวาง เหมือนกับใช้เมาส์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น
และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ที่ต้องขอบอกว่า คงต้องไปค้นหาเพิ่มเติมเอาครับ เพราะเขียนตรงนี้ทั้งหมด ได้ยาวเฟื้อยแน่ๆ
การใช้งานด้านมัลติมีเดีย และ คุณภาพเสียง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเล่นไฟล์วิดีโอ 1080p แล้ว เพราะสเปกระดับนี้มันเกินพอสำหรับการใช้งานแล้ว ถ้ายังไม่ลื่นไหลนี่สิแปลก แต่จุดที่อำนวยความสะดวกมากก็คือ ปุ่มจับภาพหน้าจอ ให้เราสามารถจับภาพวิดีโอที่เราต้องการได้ง่ายๆ แค่แตะที่ไอคอนรูปกล้องถ่ายรูป นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ย่อวิดีโอเป็น Thumbnail เพื่อที่จะสามารถเปิดวิดีโอไปพร้อมๆ กับการใช้งานโปรแกรมอื่นๆ ได้ เหมือนกับ Samsung Galaxy SIII เลย
ด้านคุณภาพเสียง ... เสียงที่ได้ก็สมกับที่ผนึกอยู่ในเครื่องระดับนี้ เสียงมีน้ำหนักที่ดี มิติดี ย่านเสียงดี ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากอุปกรณ์ตระกูล Apple คือ Samsung จะมีย่านเสียงโดยรวมมีความโปร่งกว่า ในขณะที่ Apple เสียงจะฟังดูแน่นมีน้ำหนักมากกว่า ถ้าฟังเพลง Rock จะเห็นความต่างชัดเจน ตรงนี้ก็คงแล้วแต่รสนิยมของใครของมันใช้ตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้ และคงไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเลือกซื้อมือถือจากแนวเพลงที่เราชอบฟัง
ต่อมาทดสอบการใช้งานช่องเสียบหูฟัง ภาคขยายเสียงนับว่าทำได้ดีมาก การเว้นระยะของระดับเสียงนั้นมีความแตกต่าง ไม่มากไม่น้อยเกินไป ย่านเสียงที่แสดงชัดเจน ออกนวล ไพเราะ น้ำหนักและมิติของเสียงดี เหมาะสมมากหากใครมีหูฟังดีๆ สักคู่จะได้อรรถรสมากมาย
การเล่นเกมบน Samsung Galaxy Note II
ก็อยากจะพูดอยู่หรอกว่า สเปกระดับ Quad-core CPU/GPU นี่ให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมสุดยอดแน่ๆ … แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป … คือ ถ้าเป็นเกมที่ออกแบบมาเพื่อฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะ มันจะได้เกมที่ลื่นไหล กราฟิกสวยงาม เอฟเฟกต์เกม 3D สุดๆ ทว่าข้อจำกัดของระบบปฏิบัติการ Android ที่มีฮาร์ดแวร์หลากหลายมากมายเหลือเกิน ก็เลยทำให้เกมบางเกม (เช่น เกม Asphalt 7: Heat ที่ผมใช้ในการรีวิวนี้) มันอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าไหร่ครับ
การถ่ายรูปและวิดีโอด้วย Samsung Galaxy Note II
Samsung ก็ยังคงเป็น Android Smartphone ที่มีลูกเล่นของกล้องในแบบของกล้องดิจิตอลแบบ Compact เต็มรูปแบบอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี ฟีเจอร์เด่นๆ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Samsung Galaxy SIII ก็มีให้ใช้ในนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Best Photo, Best Faces, Share Shot ฯลฯ
คุณภาพของภาพถ่าย ถ้าสภาวะแสงดี บอกได้เลยว่าออกมาค่อนข้างโอเคทีเดียว แต่ถ้าสภาวะแสงไม่สู้ดีนัก ก็จะเห็น Noise เยอะเอาการ เป็นเรื่องปกติจริงๆ ... แต่ที่ผมอยากบ่น (และบ่นซ้ำๆ) คือ Samsung เป็นค่ายที่ยังมีฟีเจอร์ Tap-to-Focus ไว้ใช้แค่ปรับโฟกัสของภาพเท่านั้น ยังไม่ปรับ Exposure ให้ ทั้งๆ ที่ค่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น HTC, Acer, Oppo หรือแม้แต่ House Brand อย่าง i-mobile เขาก็สามารถปรับ Exposure ได้จากฟีเจอร์ Tap-to-Focus แล้วแท้ๆ
คุณภาพของวิดีโอ สามารถถ่ายได้สูงสุด 1080p สบายๆ ครับ ไหลลื่นไม่มีกระตุก แต่ด้วยว่าขาดคุณสมบัติ Tap-to-Focus ที่จะปรับ Exposure ให้ ก็เลยทำให้ไม่เหมาะกับการใช้ในทุกๆ สถานการณ์ซักเท่าไหร่ ถ้าจะใช้จริงๆ แนะนำว่าถ่ายในสภาพแสงที่สว่างๆ หน่อยจะดีกว่าครับ
โดยสรุปเกี่ยวกับ Samsung Galaxy Note II
เป็นรุ่นระดับไฮเอนด์ที่คุ้มค่าตัวมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy SIII (มีคนถามผมอยู่บ่อยๆ ว่าตัวไหนดีกว่ากัน) เพราะสนนราคาต่างกันไม่มาก แต่ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น แถมมี S Pen อีกต่างหาก
ใครที่อยากได้ Smartphone เอาไว้ใช้สำหรับเป็นโทรศัพท์ ท่องเว็บ และขีดๆ เขียนๆ ได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวครับ
คงเดช กี่สุขพันธ์
E-Mail: kafaak@gmail.com
Twitter: http://www.twitter.com/kafaak
Facebook: http://www.facebook.com/kafaakBlog
Blog: http://kafaak.wordpress.com
Thairath http://www.thairath.co.th/content/tech/312417
Sign up here with your email