1. มีอุปกรณ์ให้เลือกหลากหลาย
แอนดรอยด์มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตให้เลือกใช้หลากหลายรุ่นหลากหลายยี่ห้อ ให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นแบบจอใหญ่หรือจอเล็ก สเปคต่ำกลางหรือสูง ดีไซน์เครื่องแบบไหน ฯลฯ ซึ่งต่างจากอุปกรณ์ iOS ที่มีให้เลือกเพียง iPhone, iPad และ iPod touch เท่านั้น ทำให้แอนดรอยด์สามารถเจาะกลุ่มตลาดได้กว้างมากกว่า
2. มีราคาหลายระดับให้เลือก
อุปกรณ์ของแอนดรอยด์นั้นมีหลากหลายราคาตั้งแต่ราคาต่ำไปจนถึงราคาสูง ซึ่งผู้ใช้หลายคนอาจไม่มีความจำเป็นต้องซื้อรุ่นที่มีสเปคสูงและราคาแพง หรืออาจคิดว่าอุปกรณ์ของแอปเปิลนั้นมีราคาที่สูงเกินไป จึงทำให้อุปกรณ์แอนดรอยด์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มนี้
3. มีความอิสระในการใช้งานมากกว่า
iOS นั้นมีข้อจำกัดการใช้งานที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง OS หรือการถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่สามารถทำได้สะดวกเท่าแอนดรอยด์ เพราะแอนดรอยด์ให้ความอิสระกับผู้ใช้มากกว่า สามารถปรับแต่ง OS และอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ ทำให้ผู้ใช้ที่อึดอัดกับการใช้งาน iOS หันมาใช้แอนดรอยด์แทน
4. Live wallpaper
Live Wallpaper หรือภาพพื้นหลังแบบเคลื่อนไหวนั้นทำให้แอนดรอยด์ดูดีหรูรามากขึ้นเป็นกองเลยทีเดียว ซึ่งภาพพื้นหลังที่เคลื่อนไหวได้นี้ดูมีชีวิตชีวา และสามารถเลือกใช้ได้หลายแบบตามความชอบ ต่างกับ iOS ที่สามารถใช้ภาพพื้นหลังได้แค่เฉพาะภาพนิ่งธรรมดา ๆ เท่านั้น โดยฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่ถูกอกถูกใจชาวแอนดรอยด์กันมากมายเลยล่ะ
5. Widget
Widget คือของตกแต่งหน้า Home Screen ที่สามารถมาวางเพื่อแสดงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา, ปฏิทิน, พยากรณ์อากาศ รวมทั้งอัพเดทของโซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ iOS ไม่มี
6. สามารถเปลี่ยน Launcher ได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ iOS ไม่มี นั่นคือการเปลี่ยน Launcher ที่สามารถทำให้หน้าตาอินเทอร์เฟซและลูกเล่นต่าง ๆ ของแอนดรอยด์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้ใช้ที่รู้สึกเบื่อกับหน้าตาแบบเดิม ๆ ของแอนดรอยด์สามารถเลือก Launcher ที่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์มาเปลี่ยนได้ตามใจชอบ โดย Launcher แต่ละแบบนั้นก็จะมีลูกเล่นและฟังก์ชั่นเสริมที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย
7. สามารถปรับแต่ง ROM ได้
การปรับแต่ง ROM นั้น ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนกับการลงหรืออัพเกรด OS เองโดยที่ไม่ได้โหลดผ่านตัว OS โดยตรง แต่เป็นการโหลดจากแหล่งอื่น ๆ เช่น ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ มาลงเองผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเอามาลงและใช้ก่อนได้โดยที่ไม่ต้องรอทางผู้ผลิตอุปกรณ์นั้น ๆ ปล่อยออกมาให้อัพเกรด แต่การทำวิธีนี้ผู้ใช้จะต้องมีความรู้ความเข้าใจพอสมควร เนื่องจากสามารถส่งผลเสียต่อระบบได้หากทำผิดวิธี
8. มาพร้อมกับบริการต่าง ๆ ของกูเกิล
แอนดรอยด์มีบริการต่าง ๆ ของกูเกิล อย่างเช่น Google Drive, Gmail, Google Drive, Google Maps, Google Music, Google+ และ Chrome เป็นหนึ่งเดียวกับ OS ที่ผู้ใช้สามารถใช้บริการเหล่านี้ได้อย่างสะดวกด้วยบัญชีกูเกิลเพียงบัญชีเดียวเท่านั้น โดยข้อมูลของทุกบริการจะถูกเชื่อมต่อกันหมด ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยบริการส่วนใหญ่ของแอปเปิลยังไม่สามารถสู้ของกูเกิลได้ (โดยเฉพาะ Apple Maps...)
9. Google Now
Google Now เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่มาพร้อมกับ Android 4.1 Jelly Bean ซึ่งมีความสามารถในการค้นหาข้อมูลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรายงานข้อมูลจราจร, เส้นทางบนแผนที่, สภาพอากาศ, ข้อมูลเพลง, ภาพยนตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถสั่งการค้นหาผ่านเสียงได้อีกด้วย ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านการใช้งานดีกว่า Siri ของแอปเปิลอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
10. แอพฯ และเกมที่มีราคาถูกกว่า และฟรีเยอะกว่า
ถึงแม้แอนดรอยด์จะมีแอพพลิเคชั่นและเกมที่น้อยกว่ามักได้ใช้หลาย ๆ แอพฯ ทีหลัง iOS แต่หากมองในมุมกลับกัน หลาย ๆ แอพฯ ของแอนดรอยด์นั้นมีราคาที่ถูกกว่าของ iOS อยู่พอสมควร อีกทั้งยังมีหลาย ๆ แอพฯ ที่ชาวแอนดรอยด์สามารถโหลดไปใช้กันได้ฟรี ในขณะที่ iOS จะต้องเสียเงินในการโหลดแอพฯ นั้น ๆ มาใช้
11. มีการพัฒนาปรับปรุงที่รวดเร็วมากกว่า
ถึงแม้ว่าแอนดรอยด์จะยังมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านการใช้งานอยู่บ้าง แต่เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมากช่วยรายงานหรือตำหนิให้ทางกูเกิลเร่งแก้ไข ซึ่งทางกูเกิลก็เร่งแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งอัพเดทเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ ต่างกับ iOS ที่ทางแอปเปิลไม่ค่อยพัฒนาปรับปรุงอะไรสักเท่าไหร่ เนื่องจากมัวแต่ยึดถือหลักการ "หากมันไม่เสีย เราก็ไม่ต้องซ่อมมัน" ทำให้ iOS มีการก้าวไปข้างหน้าช้ากว่าแอนดรอยด์อยู่พอสมควร
แล้วคุณล่ะ...เลือกใช้แอนดรอยด์เพราะเหตุผลอะไรกันบ้าง มีข้อไหนที่ตรงใจกับคุณบ้างหรือเปล่า?
Sign up here with your email