รีวิว samsung galaxy mini 2 รุ่นเล็กแต่ดีนะเออ

เจอบทความของคุณกระปาล์มในไทยรัฐออนไลน์เลยขออนุญาตนำมาใส่ Blog น้อยๆของผมหน่อยครับ อันนี้เป็นรีวิว Galaxy มินิ 2 รุ่นเล็กในตอนนี้เหมาะกับเพื่อนๆที่กำลังหามือถือ Android ราคาถูกและคล่องตัวหรือจะเป็น Android ตัวแรก (ทำอย่างกับเป็นรถคันแรก) ก็ได้ครับเราไปดูกันที่ข้างล่างเลย



Samsung Galaxy mini 2 ต่อยอดจากความสำเร็จของ Galaxy mini มาพร้อมกับ Android 2.3 (Gingerbread) พร้อมกล้อง 3 ล้านพิกเซล

Samsung Galaxy mini 2 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จของรุ่นแรกอย่าง Galaxy mini ที่สร้างมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก ด้วยการเปิดตัวที่ราคาเพียงแค่ 5,990 บาทเท่านั้น

Galaxy mini วางขายในปี 2554 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะตลาดในไทย ด้วยราคาเปิดตัวเพียงแค่ 5,990 บาท ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลาย เชื่อหรือไม่ปัจจุบัน Galaxy mini ก็ยังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในปีนี้เจ้า Galaxy mini ก็มีรุ่นใหม่ออกมาแทนที่แล้ว นั้นก็คือ Samsung Galaxy Y ที่กำลังฮิตติดลมบนอยู่ในขณะนี้ ด้วยราคาเปิดตัวเพียงแค่ 4,790 บาท (ล่าสุดเหลือเหลือ 4,490 บาท)

แล้ว Galaxy mini 2 ล่ะ จะมาแทนตัวไหน ตามความเข้าใจของผม ตอนแรกก็คิดว่าจะมาแทน Galaxy mini แต่ไม่ใช่ครับ ความจริงแล้ว Galaxy mini 2 จะแทน Galaxy Gio S5660 ที่เปิดตัวอยู่ที่ราคา 7,990 บาท ปัจจุบันขายอยู่ที่ราคา 6,500 - 6,900 บาท (ขยับขึ้นไปก็จะเป็น Galaxy Ace Plus ที่มามาแทนตลาดเดิมของ Galaxy Fit)

Samsung Galaxy mini 2 มาพร้อมกับจุดเด่นที่ดีไซน์และสีสัน โดยจะมี 2 รุ่นด้วยกันคือ Galaxy Mini 2 รุ่นที่มี NFC และ Galaxy Mini 2 รุ่นที่ไม่มี NFC โดย Galaxy mini 2 รุ่นที่มี NFC ตัวเครื่องจะมีความหนา 11.9 มิลลิเมตร ส่วน Galaxy mini 2 รุ่นที่ไม่มี NFC จะมีความหนาที่ 11.6 มิลลิเมตร



สำหรับ Galaxy mini 2 ที่วางขายในไทย จะแถมฝาหลังมาให้ ถ้าเผู้ใช้งานบื่อก็สามารถเปลี่ยนได้ได้เอง โดยมีให้เลือกในกล่องถึง 2 สีด้วยกัน คือ สีเหลือง และสีดำ สนนราคาค่าตัวของ Galaxy mini 2 อยู่ที่ 6,190 บาท

ข้อควรรู้ก่อนที่จะซื้อ Galaxy mini 2 รุ่นที่ขายในไทยนั้น แยกขายเป็น 2 รุ่น คือ Galaxy mini 2 โมเดล GT-S6500 รองรับ 3G คลื่น 900/2100MHz (AIS และ TOT) กับ Galaxy mini 2 โมเดล GT-S6500D รองรับ 3G คลื่น 850/2100MHz (dtac/truemove และ TOT)



Galaxy mini 2 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 2.3 (Gingerbread) อินเตอร์เฟส TouchWiz UI มีฟังก์ชัน Wi-Fi hotspot สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ Wi-Fi และแชร์อินเตอร์ผ่านทาง USB (USB tethering) มีวิทยุ (FM Radio) รองรับการใช้งานระบบ RDS (Radio Data System) เครื่องเล่นเพลง SoundAlive



สำหรับ Galaxy mini 2 จะมาพร้อมกับซีพียูความเร็ว 800 MHz
หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 512MB
หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิค (GPU) รุ่น Adreno 200 (สเปคโดยรวมคล้ายกับ Galaxy Gio)
 หน้าจอ TFT ขนาด 3.27 นิ้ว
ความละเอียด HVGA (320×480 พิกเซล) แสดงผล 16,700,000 สี
และรองรับ Multitouch 5 จุด



Galaxy mini 2 จะไม่มีกล้องหน้า บริเวณส่วนบนของหน้าจอจะมีเซ็นเซอร์ Proximity sensor ซึ่งทำหน้าที่ปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา



Galaxy mini 2 มาพร้อมกับปุ่มควบคุม 3 ปุ่ม โดย2 ปุ่มอันได้แก่ปุ่มเมนู และปุ่มย้อนกลับเป็นปุ่มระบบสัมสัม สวนปุ่มโฮมเป้นปุ่มกดธรรมดา



ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องต่อ micro-USB 2.0 สำหรับชาร์จแบตและโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ดูจากขนาดของตัวเครื่องมือเทียบกับมือของผมดูเเหมือนจะเล็ก ซึ่งจริงๆ ก็กำลังเหมาะมือครับ ตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียงแค่ 105.3 กรัม (ไม่ถือว่าเบาสำหรับหน้าจอขนาดนี้ยังเบาได้กว่านี้อีก) ตัวเครื่องขนาด 109.4 x 58.6 x 11.6 มิลลิเมตร



ด้านบนมีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และช่องแกะฝาหลัง ในเรื่องวัสดุของ Galaxy mini 2 ถึงแม้จะทำด้วยพลาสติกทั้งตัว แต่ก็ดูทนทานแข็งแรง งานประกอบก็เนียนในระดับที่เท่าเทียบสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นๆ เลยทีเดียว


ด้านขวาเป็นปุ่ม Power สำหรัลเปิด และปิดเครื่อง (ด้านข้างหนา 11.6 มิลลิเมตร)



ด้านซ้ายมีช่องใส่สายคล้องคอ ปุ่มเพิ่ม ลดเสียงและช่องใส่ Micro SD Card สามารถเปลี่ยน SD Card ได้ โดยไม่ต้องแกะฝาหลัง ซึ่งสามารถ Micro SD Card ได้ 32GB



ฝาหลังทำด้วยพลาสติก ซึ่งในกล่องจะแถมฝาหลังมาให้ 2 อันคือสีดำ และสีเหลือง เวลาเบื่อก็สามารถแกะเปลี่ยนได้ กล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ความละเอียดของภาพ 2048×1536 พิกเซล ระบบโฟกัสภาพแบบ Fixed Focus น่าเสียดายที่ไม่มีแฟลช



Galaxy mini 2 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Li-Ion 1300 mAh หน่วยความจำภายใน (Storage) 4GB รุ่นที่รีวิวให้ชมเป็นรุ่นที่ไม่มี NFC อย่างที่กล่าวในตอนแรก Galaxy mini 2 จะแยก 3G 900/2100MHz กับ 850/2100MHz โดยรองรับความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps นอกจากนั้นก็รองรับ Bluetooth 3.0 รองรับ A2DP, Wi-Fi 802.11 b/g/n, ระบบ A-GPS (ระบบดาวเทียม)

Galaxy mini 2 แบตเตอรี่อึดพอสมควร เท่าที่ใช้งานต่อ Wi-Fi ทั้งวัน เล่นแค่ Instagram ก็อยู่ได้ครบวันพอดี แต่ถ้าเปิดเครื่องไว้รับสายอย่างเดียวก็เกือบๆ 2 วันครับ

การใช้งานโดยรวมถือว่าทำได้ลื่นไหล เว็บเบราว์เซอร์สามารถแสดงภาษาไทยได้ดี ยังไม่เจอปัญหาเรื่องการตัดคำผิด ถ้าตัวหนังสือเล็กไปสามารถขยายขนาดของตัวหนังสือได้ โดยไปปรับที่ Settings ครับ และ Galaxy mini 2 รองรับ Flash Player ด้วย ส่วนเกมส์ผมได้ลองเล่น Angry Birds Space ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น

ที่ลืมไม่ได้คือแอพ ChatON อีกหนึ่งลูกเล่นที่มีให้สำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการแชท สามารถดาวนืโหลดมาใช้งานได้ฟรีจาก Samsung Apps และยังสามารถใช้แชทกับเพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone หรือแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ได้ ทั้งที่เป็นของซัมซุงเอง และแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ

และอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่จะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้นั้นก็คือ Samsung Apps แหล่งดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมีทั้งฟรีและที่ต้องซื้อ คล้ายๆ กับ Android Market และ App Store



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy mini 2

เหมาะกับเพื่อนๆที่กำลังจะลองเล่นมือถือ Android เครื่องแรกจ้า

กระปาล์ม (@krapalm)
Twitter: @Mobiledista
E-mail: krapalm@mobiledista.com
Facebook: http://facebook.com/mobiledista
Website: http://www.mobiledista.net
Blog: http://www.krapalm.com

http://www.thairath.co.th/content/tech/270679
Previous
Next Post »