รีวิว Samsung Galaxy Camera



หลังจากซัมซุงขอชูธงขอเป็นผู้นำกล้อง WiFi ไปเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ซัมซุงก็สร้างเซอร์ไพร์สอีกครั้งด้วยการนำเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟนรุ่นฮิตในตระกูล Galaxy มาผนวกรวมกับกล้องดิจิตอลจนออกมาเป็น Samsung Galaxy Camera ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Jelly Bean 4.1 พร้อมหน่วยประมวลผล Quad-Core เจ้าแรกของโลกกล้องดิจิตอลคอมแพกต์

การออกแบบ



ด้านรูปลักษณ์ภายนอกของ Galaxy Camera ไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากดิจิตอลคอมแพกต์ทั่วไปนัก โดยบอดี้ส่วนใหญ่เป็นอะลูมิเนียมแข็งแรงแตกต่างจากกล้องรุ่นอื่นของซัมซุงที่มักใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก

ในส่วนกริปที่ติดตั้งมาจะมีการหุ้มยางกันลื่นไว้พร้อมสลักชื่อรุ่น Galaxy ไว้อย่างชัดเจน และน้ำหนักจะอยู่ที่ 305 กรัม







เมื่อซูมจะสุดระยะเทเลจะเห็นว่าเลนส์มีการเคลื่อนตัวออกมามากดังภาพประกอบที่ 2



สำหรับเลนส์กล้องที่ติดตั้งมา (ไม่สามารถเปลี่ยนได้) จะเป็นซูมเลนส์ 21 เท่าแบบออปติคอลซูมหรือเทียบกับระยะบนฟิล์ม 35 มิลลิเมตรจะประมาณ 23-481 มิลลิเมตรที่ค่ารูรับแสงกว้างสุด F2.8 ที่ระยะ 23 มิลลิเมตร ส่วนเมื่อซูมค่ารูรับแสงจะไหลไปถึง F5.9 บนเซ็นเซอร์รับภาพ 1/2.3" BSI CMOS 16.3 ล้านพิกเซล






มาที่ด้านจอแสดงผลด้านหลังจะมีขนาด 4.77 นิ้ว 308ppi แบบ HD Super Clear Display รองรับการสัมผัสพร้อมกัน 10 จุด และสังเกตดูให้ดีจะพบว่าด้านหลังไร้ปุ่มกดปรับแต่งภาพใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่ากล้องตัวนี้ใช้การปรับแต่งผ่านหน้าจอทัชสกรีนแบบเดียวกับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน



ส่วนด้านบนจากซ้ายสุดจะเป็นไฟแฟลช ถัดมาเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ไมโครโฟน และปุ่มชัตเตอร์ที่รอบๆ ปุ่มจะเป็นวงแหวนซูมเข้าซูมออก (+/-)




ด้านซ้ายของ Galaxy Camera จะเป็นปุ่มเปิด-ปิดไฟแฟลช และด้านล่างสุดจะเป็นลำโพงขยายเสียง





ด้านล่างจะเป็นรูสำหรับยึดติดกับขาตั้งกล้อง ถัดมาจะเป็นส่วนของแบตเตอรีและช่องใส่การ์ดต่างๆ ไล่ตั้งแต่ ช่องใส่ซิม สำหรับใช้งานดาต้า 3G รองรับคลื่นความถี่ HSPA+ 21Mbps 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz ถัดมาเป็นพอร์ต microHDMI ช่องใส่ microSD และช่องใส่แบตเตอรีขนาด 1,650mAh



สุดท้ายด้านขวาของตัวเครื่องประกอบด้วยจากซ้าย ช่องเสียงหูฟัง/Headset พอร์ต microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับ Adapter ชาร์จแบตเตอรีและใช้โอนถ่ายข้อมูล ส่วนด้านล่างสุดจะเป็นช่องคล้องสายสวมข้อมือ

สเปก




สเปกกล้อง Samsung Galaxy Camera อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ากล้องใช้แอนดรอยด์ Jelly Bean 4.1 เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เพราะฉะนั้น Galaxy Camera ตัวนี้จะสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนผ่าน Google Play Store

โดยหน่วยประมวลผลที่ใช้ขับเคลื่อนหลักจะเป็น Quad Core ความเร็ว 1.4GHz แรม 780MB ความละเอียดหน้าจอ 1,184x720 พิกเซล และ Internal Storage ความจุ 4.07GB สามารถใส่ microSD (micro SDSC, micro SDHC, micro SDXC) เพิ่มได้










ด้านสเปกของกล้องถ่ายภาพ จะเน้นไปทางถ่ายแบบอัตโนมัติ ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน (Point and Shoot) โดยกล้องสามารถบันทึกภาพความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล แบบ JPEG ไม่รองรับไฟล์ RAW แต่มาพร้อมโหมดเอฟเฟกต์ถ่ายภาพหลากหลายแบบ พร้อมโหมด SmartPro 10 โหมด และ Casual Mode ที่ช่วยเรื่องการถ่ายภาพแบบอัตโนมัติทำได้สวยงามขึ้น เพราะกล้องจะใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการปรับแต่งรูปภาพ เช่น Macro, Rich Tone, Action Freeze เป็นต้น แถมมี Best Face Best Photo และถ่ายแบบ Buddy Photo หรือ Share shot แบบเดียวกับ Galaxy S3 Galaxy Note




นอกจากนั้นยังรองรับโหมดถ่ายภาพแบบ Manual (Expert) โดยค่าไวแสงต่ำสุดจะอยู่ที่ ISO 100 สูงสุดที่ ISO 3,200 และยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) เช่น พูด "Zoom in" กล้องจะซูมเข้ามาให้อัตโนมัติ หรือถ้าต้องตั้งกล้องถ่ายภาพคนเดียวก็เพียงพูดว่า "Shoot หรือ Cheese" กล้องถ่ายภาพให้ทันทีโดยไม่ต้องง้อให้คนมากดชัตเตอร์ให้

มาที่การถ่ายวิดีโอ Galaxy Camera จะรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง Full HD 1,920x1,080 30fps ในรูปแบบ MP4, AVC/H.264,AAC และสามารถถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ที่ความเร็ว 120fps แต่ขนาดวิดีโอจะลดลงเหลือ 720x480 พิกเซล (ไม่มีเสียง)

ในส่วนสเปกอื่นๆ ของ Galaxy Camera เช่น GPS จะ Built-in มาให้พร้อม GLONASS ในส่วนการเชื่อมต่อ Wireless LAN จะรองรับ WiFi a/b/g/n, WiFi HT40, WiFi Direct และ Bluetooth 4.0 พร้อม Google Service แบบแอนดรอยด์โฟนทั่วไป

ซฮฟต์แวร์ภายใน Galaxy Camera








โฮมสกรีนคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแอนดรอยด์โฟน โดยจากภาพจะเห็นว่า Galaxy Camera ใช้อินเตอร์เฟสแบบ TouchWiz Nature UX พร้อมปุ่ม Home,Back และเรียกเมนูแบบเดียวกับบนสมาร์ทโฟน และถ้าผู้ใช้ต้องการเข้าใช้งานกล้องถ่ายภาพก็เพียงกดปุ่มชัตเตอร์ลงไป 1 ครั้งหรือกดที่ไอคอน Camera เท่านั้น








นอกจากนั้นในกล้องยังมาพร้อม Goole Play Store ทำให้สามารถติดตั้งแอปฯ เพิ่มเติมได้ และยังมาพร้อม S-Voice และ Google Now แบบเดียวกับ Galaxy S-Series ที่ติดตั้งแอนดรอยด์ 4.1 Jelly Bean





มาในเรื่องออปชันเสริมที่เพิ่มเติมจากสมาร์ทโฟนก็คือ Smart Network ที่จะทำหน้าที่ในการปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งหมดเมื่อเรากด Sleep หน้าจอเพื่อประหยัดแบตเตอรี และเมื่อกดเปิดหน้าจออีกครั้งระบบจะทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้ใหม่ทันที

นอกจากนั้นหลายคนอาจกังวลเรื่องการบริโภคพลังงานที่มากแบบสมาร์ทโฟนที่อยู่ได้ไม่ถึง 1 วันแบตเตอรีก็หมด ส่วนนี้หายห่วงได้ เพราะตัวกล้องจะมีระบบ Stand by ตัวเองเมื่อไม่มีการใช้งานกล้องระยะเวลานึง โดยผู้ใช้สามารถกลับมายังโหมดถ่ายภาพได้ด้วยการกดปุ่ม ปิด-เปิดกล้องหรือกดชัตเตอร์ลงไปเต็มแรงหนึ่งที ส่วนเมื่อผู้ใช้ทิ้งกล้องที่อยู่ในสถานะ Stand by ไว้นานกว่า 24 ชั่วโมง กล้องจะปิดตัวเองอัตโนมัติ










ในส่วนการเล่นเกมถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม และคงสร้างประสบการณ์ที่ิแปลกใหม่ระหว่างการรอเวลาถ่ายภาพได้อย่างดี เพราะด้วยสเปกระดับไฮเอนด์นี้ สามารถเล่นเกมในปัจจุบันที่อยู่ใน Play Store ได้ทั้งหมด




มาในส่วนแอปพลิเคชันพิเศษที่ให้มากับ Galaxy Camera ที่โดดเด่นสุดก็คงเป็น AllShare Play ที่ทำให้กล้องสามารถเชื่อมกับดีไวซ์ผ่านระบบไร้สายกับอุปกรณ์ที่รองรับเช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวีได้ทั้งหมด อีกทั้งใน Galaxy Camera ยังมาพร้อมคลาวด์สตอเรจในชื่อ SugarSync ขนาด 5GB สำหรับใช้เก็บสำรองภาพถ่ายได้ด้วย








ภาพต้นฉบับ




ภาพที่ผ่านการตกแต่งด้วย Paper Artist

นอกจากนั้นยังมีแอปฯ Paper Artist ที่ช่วยสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้สวยงามแบบภาพวาด โดยจุดเด่นของแอปฯ คือสามารถเลือกจุดที่ทำเอฟเฟกต์แบบภาพวาดได้ดังภาพตัวอย่าง








สำหรับคนที่ชอบตกแต่งภาพถ่าย ทางซัมซุงได้ให้แอปฯ Photo Wizard มาด้วย โดยจุดเด่นของแอปฯ ก็คือการตกแต่งภาพโดยใช้การสัมผัสเป็นหลัก และยังสามารถตกแต่งภาพเฉพาะจุดได้ ทำให้การปรับแต่งทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก

และนอกจากแอปฯ ตกแต่งภาพแล้ว ยังมีแอปฯ ตัดต่อวิดีโอแบบง่ายๆ ในชื่อ Video Editor ติดตั้งมาให้ใช้งานแบบฟรีๆ ด้วยความสามารถในการตัดต่อคลิปมาชนกันพร้อมใส่เอฟเฟกต์และกรอบวิดีโอด้วยธีมสำเร็จรูปมากมาย





สุดท้ายสำหรับการโพสต์ภาพลงโซเชียลเอาใจหนุ่มสาวๆ สมัยใหม่ Galaxy Camera สามารถทำได้แบบเดียวกับสมาร์ทโฟน และแอปฯ กล้องในโซเชียลส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานร่วมกับระบบกล้องของ Galaxy Camera ได้ แต่อาจมีบั๊กในเรื่องการซูมเข้าออกที่บางแอปฯ จะไม่สามารถใช่ระบบออปติคอลซูมได้ เช่น Instagram เป็นต้น แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการถ่ายภาพจากโหมดกล้องไว้ก่อน และค่อยเข้ามาเลือกภาพจาก Gallety เข้ามาใช้งาน








Gallery สำหรับรับชมรูปภาพในกล้องทั้งหมด สามารถกดแชร์ไปยังเครือข่ายสังคมต่างๆ ได้ทันที




คีย์บอร์ดสไตล์ซัมซุงใช้งานยากก็สามารถลบและติดตั้งแป้นคีย์บอร์ดที่ชื่นชอบได้




การทำ Multitasking กับการรับชมวิดีโอสามารถทำได้แบบเดียว Galaxy S3




แอปฯ อื่นๆ ที่ให้มากับ Galaxy Camera

ทดสอบประสิทธิภาพ




ก่อนจะเข้าสู่ส่วนทดสอบประสิทธิภาพ ลองมาดูรายละเอียดและขนาดไฟล์จากกล้อง Galaxy Camera โดยไฟล์ภาพขนาด 14-16 ล้านพิกเซลจะมีขนาด 4.87-5 MB




เริ่มการทดสอบ อันดับแรกมาดูเรื่องสัญญาณรบกวน (Noise) ที่เกิดขึ้นก่อนจะพบว่าตั้งแต่ 100-400 กล้องขจัด Noise ได้ดีแต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ ISO ตั้งแต่ 800 ขึ้นไป Noise เริ่มมา จนจบที่ ISO 3,200 ที่ Noise มาเยอะสุดแต่ระบบกล้องก็ขจัดออกได้และลดทอนความคมชัดของภาพไปพอสมควร



ที่ระยะ 23 มิิลลิเมตร ยอมรับว่าให้ความไวด์ที่กำลังดีสำหรับดิจิตอลคอมแพกต์








แต่กับระยะซูมหมดกระบอกที่ 481 มิลลิเมตร พบว่าความคมชัดพอแก้ขัดได้เท่านั้น เพราะภาพที่ได้ทั้งไม่คม และภาพออกแนวฟุ้งๆ พอสมควร






มาที่การทดสอบความคมชัดของภาพกับสภาพแสงประมาณ 8 โมงเช้า ที่ค่า ISO100 F-stop 5.9 พบว่าภาพจริงที่ได้ไม่คมชัดเหมือนมองจากจอด้านหลังกล้อง แถมเมื่อซูม 100% ยังพบถึงเม็ด Noise ที่เกิดขึ้นด้วย







ต่อมาลองทดสอบสีสันที่ได้จากกล้อง Galaxy Camera บ้างพบว่าให้สีที่สดใส โดยเฉพาะสีแดง เหลือง ชมพู จะแสดงความฉูดฉาดออกมาชัดเจนมาก





มาทดสอบการถ่าย Landscape ในที่แสงน้อยด้วยการตั้งโหมด Auto ทั้งหมดที่ ISO-800 f2.8 พบว่าภาพที่ได้ความคมอยู่ระดับกลางๆ แต่สิ่งที่โดดเด่นเมื่อถ่ายย้อนแสงไฟยามค่ำคืนก็คือ แฉกไฟที่ได้สวยงามแทบไม่ต้องพึ่งพาการตั้ง f ให้มากแต่อย่างใด





กลับมาเรื่องการถ่ายเพื่อหวังการเกิดมิติภาพชัดลึกชัดตื้นหรือ Depth of field (DOF) ก็สามารถทำได้เพราะถึงแม้เซนเซอร์จะเล็กแต่การที่กล้องให้ระยะซูมมามากในขณะที่ค่ารูรับแสงอยู่ระหว่าง 2.8-4.9 ทำให้เมื่อผู้ใช้ซูมภาพเกิน 50-70 มิลลิเมตรขึ้นไป DOF สามารถเกิดขึ้นได้



สุดท้ายการถ่ายวิดีโอที่ 1080-30p ถือว่าให้คุณภาพในแบบมาตรฐานสมาร์ทโฟนที่สามารถซูมภาพแบบออปติคอลและมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS)



แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับโหมดวิดีโอก็คือการถ่าย Slow Motion (High Speed 120fps) ที่ให้คุณภาพที่ดีพอประมาณ เพราะปกติกล้องคอมแพกต์ที่สามารถถ่ายวิดีโอที่ 120fps ได้จะให้คุณภาพที่ต่ำจนไม่สามารถไปใช้งานต่อยอดใดๆ ได้นอกจากไว้รับชมกันเองสนุกสนาน แต่สำหรับ Galaxy Camera ถือว่าให้คุณภาพไฟล์ที่ดีถึงแม้จะมีขนาดแค่ DVD Quality ก็ตาม

สรุปส่วนการใช้งานถ่ายภาพ

สำหรับการทดสอบถ่ายภาพด้วย Galaxy Camera ถือว่าให้คุณภาพไฟล์ภาพที่ธรรมดาและความคมชัดที่ยังไม่ดีพอ แต่โชคดีที่กล้อง Galaxy Camera เป็นแอนดรอยด์ผสมหน่วยประมวลผลสเปกสูง และเลนส์ซูมออปติคอล 21 เท่า รวมถึงโหมดเอฟเฟกต์สำเร็จรูปมากมายที่สามารถใช้งานได้จริง สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยปิดบังคุณภาพไฟล์ที่แสนจะธรรมดาของ Galaxy Camera ลงได้

และถือเป็นการบ้านของซัมซุงที่ต้องขยันศึกษาและพัฒนาเรื่องคุณภาพไฟล์ภาพต่อไป เพราะในแง่นวัตกรรมและเทคโนโลยี ซัมซุงนำผู้ผลิตทุกเจ้าไปแล้ว แต่ในเรื่องคุณภาพไฟล์ภาพยังเป็นรองอยู่มาก จนแทบไม่ต่างจากไฟล์ภาพบนสมาร์ทโฟน (ยกเว้น DOF)

อีกทั้งเรื่องการ Optimized ระบบโดยเฉพาะเรื่องความเสถียรที่ยังไม่ดีพอ เนื่องจากระหว่างใช้งานอย่างหนักหน่วงตลอดทริปถ่ายภาพทั้งวัน ทีมงานพบอาการกล้องค้างหลายรอบมาก และบางครั้งก็สร้างความหงุดหงิดเนื่องจากพลาดช็อตสำคัญๆ ไป ตรงนี้ก็คงต้องฝากให้ซัมซุงช่วยออกเฟริมแวร์มาจัดการใหม่ด้วย

วิดีโอเจาะฟีเจอร์แบบละเอียดยิบ


ความคุ้มค่าและสรุปทั้งหมด

ปัจจุบันทีมงานยังไม่ทราบราคาที่แน่นอนของ Galaxy Camera แต่มีคนคาดการณ์ไว้ว่าราคาขายในไทยจะไม่เกิน 2 หมื่นบาท ซึ่งถ้าข่าวลือนี้เป็นจริง จะถือว่าคุ้มค่าและน่าสนใจมาก เพราะนี่ไม่ใช่แค่กล้องคอมแพกต์ถ่ายภาพได้ธรรมดาๆ แต่นี่คือการผสมผสานสมาร์ทโฟนเข้ากับกล้องคอมแพกต์เลนส์ซูม 21 เท่าที่ทำงานได้ดีระดับหนึ่ง แถมถ่ายภาพเสร็จยังสามารถแนบไปกับเอกสารเพื่อส่งอีเมล์เข้าออฟฟิซได้ หรือถ้าเป็นวัยรุ่นก็สามารถแชร์ภาพไฟเครือข่ายสังคมได้ทันทีผ่าน 3G/Edge และ WiFi

หรือจะพูดอีกความหมายหนึ่งก็คือ "อะไรที่สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S3 ทำได้ Galaxy Camera ก็ทำได้หมดเช่นกัน"

รับชมตัวอย่างรูปภาพที่ถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy Camera ทั้งหมดได้โดย คลิกที่นี่

Company Related Link :
Samsung
http://www.manager.co.th/Home/
Previous
Next Post »